เรื่องที่ 21/2561 การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่เป็นโมฆียะ ป.พ.พ. 164

     

มีปัญหาเกี่ยวกับคดีติดต่อน้าสิด  ทนายพงศ์รัตน์  รัตนพงศ์  น.บ.ท. 64 

โทร (091 8713937) หรือ อีเมล์ pongrut.ku40@gmail.com  นะครับ

 

ป.พ.พ. มาตรา 164  การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่เป็นโมฆียะ การข่มขู่ที่จะทำให้การใดตกเป็นโมฆียะนั้น จะต้องเป็นการข่มขู่ที่จะให้เกิดภัยอันใกล้จะถึง และร้ายแรงถึงขนาดที่จะจูงใจให้ผู้ถูกข่มขู่มีมูลต้องกลัว ซึ่งถ้ามิได้มีการข่มขู่เช่นนั้น การนั้นก็คงจะมิได้กระทำขึ้น

 

ทนาย ปิยะอัมพร  สุกแก้ว    (061 5619514)    สืบค้นแล้ว มีหลักกฎหมาย ดังนี้

    หลักเกณฑ์   การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่เป็นโมฆียะ  (มาตรา 164 วรรคหนึ่ง)

    การข่มขู่ที่จะทำให้การใดตกเป็นโมฆียะนั้นจะต้องเป็นการข่มขู่ที่จะให้เกิดภัยอันใกล้จะถึง  และร้ายแรงถึงขนาดที่จะจูงใจให้ผู้ถูกข่มขู่มีมูลต้องกลัว  ซึ่งถ้ามิได้มีการข่มขู่เช่นนั้น การนั้นก็คงจะมิได้กระทำขึ้น  (มาตรา 164 วรรคสอง)

    การข่มขู่ที่กระทำโดยบุคคลภายนอก  ทำให้การแสดงเจตนาเป็นโมฆียะ (มาตรา 166)

    การขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม  ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ (มาตรา 165 วรรคหนึ่ง)

    การใดที่กระทำไปเพราะนับถือยำเกรง ไม่ถือว่าการนั้นได้กระทำเพราะถูกข่มขู่ (มาตรา 165 วรรคสอง)

    1.  การข่มขู่ที่จะทำให้นิติกรรมตกเป็นโมฆียะต้องเป็นการข่มขู่ที่จะให้เกิดภัยอันใกล้จะถึงและร้ายแรงถึงขนาดที่จะจูงใจให้ผู้ถูกข่มขู่มีมูลต้องกลัว  จึงยอมทำนิติกรรมนั้น  ดูฎีกาที่ 524/2552 , 2824/2551

    ฎีกาที่ 524/2552  จำเลยที่ 3  ยอมทำหนังสือบันทึกการชำระหนี้ให้แก่โจทก์  เพราะถูกข่มขู่ว่าหากไม่ชำระเงินเต็มราคาจะไม่โอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2  และที่ 3  และจะริบเงินมัดจำ  จะทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3  เสียชื่อเสียงทางการค้า  จะมีภัยจากมวลชนที่ตกลงซื้อที่ดินในโครงการของจำเลยที่ 2 และที่ 3  นั้นเป็นเพียงการหาทางให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ชำระราคาค่าที่ดินเต็มจำนวนตามที่ตกลงไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น  หาเป็นการข่มขู่อันถึงขนาดที่จะทำให้บันทึกการชำระหนี้นั้น  เป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ.มาตรา 164 ไม่

    ฎีกาที่ 2824/2551  โจทก์เข้าไปในร้าน  เอาเท้าวางไว้บนโต๊ะแล้วก็พูดจากับลูกค้าภายในร้านของจำเลยว่าสินค้าในร้านไม่มีคุณภาพกับบอกร้านค้าข้างเคียงว่าจำเลยเป็นหนี้แล้วไม่ชำระ  เป็นเพียงการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ด้วยพฤติการณ์และการกระทำที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น  มิได้เป็นภัยอันใกล้จะถึงและร้ายแรงถึงขนาดที่จะถือได้ว่าเป็นการข่มขู่

    2.  การขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม  หรือความกลัวเพราะเคารพนับถือยำเกรง ตามมาตรา 165 ไม่ถือเป็นการข่มขู่ นิติกรรมไม่ตกเป็นโมฆียะ เช่น  ขู่ว่าจะฟ้องคดีแพ่งต่อศาลเพื่อบังคับชำระหนี้จนอีกฝ่ายยอมทำสัญญาประนีประนอมยอมความด้วย (ฎ.380/2523)  ขู่ว่าจะดำเนินคดีฐานลักทรัพย์ถ้าไม่ทำสัญญารับสภาพหนี้ให้ผู้ขู่  ผู้ถูกขู่กลัวจึงยอมทำสัญญารับสภาพหนี้ให้ปรากฎว่าผู้ขู่มีมูลที่จะฟ้องคดีอาญาแก่ผู้ถูกขู่ฐานลักทรัพย์   เป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม (ฎ.2285/2533)  และดูฎีกาที่ 5740/2550 , 5426/2553

    ฎีกาที่ 5740/2550  ขณะทำสัญญากู้  จำเลยที่ 1 ถูกจับกุมในข้อหากระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ  และถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจ  ตามที่ ส. ร้องทุกข์ไว้ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว  ย่อมเป็นการควบคุมตัวของเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย  การที่ทนายโจทก์กับ ส. แจ้งแก่จำเลยที่ 1 ว่าหากไม่ทำสัญญากู้กับโจทก์จะดำเนินคดีอาญาในข้อหาออกเช็คโดยมีเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คต่อไปนั้น  เป็นการขู่ว่าจะดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายแก่จำเลยที่ 1  อันเป็นสิทธิที่ ส. ผู้ทรงเช็คสามารถกระทำได้  ทั้งหากจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำความผิดก็มีสิทธิที่จะต่อสู้คดีไม่จำต้องกลัว  จำเลยที่ 1  ทำสัญญากู้เงินโจทก์เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ให้แก่ ส. ตามเช็ค  จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1  ถูกข่มขู่ให้ทำสัญญากู้อันจะทำให้สัญญากู้เป็นโมฆียะ

    ฎีกาที่ 5426/2553  บุตรจำเลยเช่ารถยนต์ซึ่งเป็นของโจทก์นำไปจำนำผู้มีชื่อแล้วไม่สามารถนำรถยนต์มาคืนเพราะไม่มีเงินค่าไถ่  โจทก์ได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีแก่บุตรจำเลย  จำเลยทำหนังสือสัญญากู้เพราะเกรงกลัวต่อโจทก์  เพราะโจทก์บอกว่าหากจำเลยไม่ทำสัญญากู้ บุตรจำเลยจะถูกดำเนินคดี  การที่โจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้หากจำเลยไม่ทำก็จะดำเนินคดีอาญาแก่บุตรจำเลยจึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายโดยสุจริต  อันถือได้ว่าเป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม  ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ตาม ป.พ.พ.มาตรา 165  สัญญากู้จึงมีผลบังคับได้และการที่จำเลยมิได้เป็นลูกหนี้โจทก์มาทำสัญญากู้เนื่องจากบุตรจำเลยมีหนี้กับโจทก์  เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามมาตรา 350 มิได้บัญญัติให้ต้องทำเป็นหนังสือ  จึงใช้บังคับได้  จำเลยต้องรับผิดตามสัญญากู้

    3.  ขู่ว่าถ้าไม่ทำหนังสือรับสภาพหนี้เดิม  จะไม่ส่งสินค้าให้จำเลยอีก  เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาปกติ  ไม่เป็นการข่มขู่  ดูฎีกาที่ 1056/2521

    ฎีกาที่ 1056/2521  จำเลยเป็นหนี้ค่าน้ำมันแก่โจทก์  โจทก์ขู่จำเลยว่าถ้าไม่ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์  โจทก์จะไม่ส่งน้ำมันที่จำเลยสั่งซื้อให้  จำเลยมีความต้องการที่จะขายน้ำมันของบริษัทโจทก์ต่อไป  หากไม่ได้น้ำมันไปจะต้องเสียลูกค้าจำนวนมาก  เสียชื่อเสียงจึงยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์  การข่มขู่ดังกล่าวเป็นเพียงการหาทางตกลงในการคิดบัญชีหนี้สินหรือการเร่งรัดเอาชำระหนี้จากจำเลยตามสิทธิของบริษัทโจทก์ที่มีอยู่เท่านั้น  หาเป็นการข่มขู่อันถึงขนาดที่จะทำให้หนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวตกเป็นโมฆียะไม่

    4.  ขู่ให้ออกเช็คฉบับใหม่  มิฉะนั้นจะดำเนินคดีอาญากับจำเลยที่ออกเช็คฉบับเดิมและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน  ก็เป็นการใช้สิทธิตามปกตินิยม  ดูฎีกาที่ 672/2519

    ฎีกาที่ 672/2519  จำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้แก่โจทก์และถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน  โจทก์ขู่ว่าจะให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ และบังคับให้จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นออกเช็คให้โจทก์ใหม่  ไม่เป็นการข่มขู่อันเป็นเหตุให้นิติกรรมตกเป็นโมฆียะ  เพราะเป็นการที่โจทก์ขู่ว่าจะใช้สิทธิตามกฎหมายโดยชอบ

    5.  การเอาเรื่องเช็คมาขู่เพื่อบีบบังคับให้ผู้ถูกขู่แสดงเจตนาทำนิติกรรม  ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเช็ค  ไม่เป็นการใช้สิทธิตามปกตินิยม  นิติกรรมเป็นโมฆียะ  ดูฎีกาที่ 707-708/2505

    ฎีกาที่ 707-708/2505  จำเลยทำหนังสือรับรองให้โจทก์ว่า  ที่ดินที่จำเลยขายฝากไว้กับโจทก์  หลุดเป็นสิทธิของโจทก์แล้ว  เพราะจำเลยไม่ได้ไถ่ถอนการขายฝากนั้นภายในกำหนด  แต่ความจริงนั้นจำเลยยังมีสิทธิจะไถ่ที่ดินที่ขายฝากคืนยังไม่ครบกำหนด  แต่ที่จำเลยทำหนังสือนี้  เท่ากับเป็นหนังสือสละสิทธิไถ่ถอนการขายฝาก  เพราะโจทก์ข่มขู่ว่าจะให้ตำรวจจับจำเลยฐานออกเช็คไม่มีเงิน  ซึ่งเช็คนั้นมาอยู่ในมือโจทก์   นิติกรรมสละสิทธิไถ่ที่ดินที่ขายฝากนี้เป็นโมฆียะ  เพราะเป็นการเอาเรื่องเช็คมาขู่บีบบังคับให้ผู้ถูกขู่แสดงเจตนาทำนิติกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกันกับเช็คนั้น   ฉะนั้นถือไม่ได้ว่าผู้ขู่หวังผลตามปกตินิยมจากการขู่ว่าจะดำเนินคดีอาญาทางเช็ค  การแสดงเจตนาเป็นโมฆียะ

    6.  ตำรวจขู่ให้ออกเช็คชำระหนี้แก่เจ้าหนี้  มิฉะนั้นจะจับกุม  ไม่เป็นการใช้สิทธิตามปกติ   ดูฎีกาที่ 1479/2523

    ฎีกาที่ 1479/2523  การที่นายตำรวจขู่ให้โจทก์ออกเช็ค  เพื่อชำระหนี้ให้จำเลยมิฉะนั้นจะจับโจทก์ไปขังในฐานเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมนั้น  ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายหรือตามปกตินิยม  การที่โจทก์ออกเช็คให้นี้เป็นโมฆียะ

 

PsthaiLaw.com   (091 871 3937)   เรียบเรียงบทความนี้ เพื่อเผยแพร่ความรู้กฎหมายสู่ประชาชน จากเนื้อหาในหนังสือแพ่งพิสดาร  ของอาจารย์วิเชียร  ดิเรกอุดมศักดิ์  

ติดต่อ ทนายปิยะอัมพร สุกแก้ว                                  โทร. (061 5619514)  

ติดต่อ ทนายวิเชียร  สุภายุทธ            น.บ.ท. 65          โทร. (081 4559532)

ติดต่อ ทนายนุ้ย สุพรรณี  สนมศรี        น.บ.ท. 71          โทร. (082 5422249)

ติดต่อ น้าสิด ทนายพงศ์รัตน์  รัตนพงศ์   น.บ.ท. 64        โทร. (091 8713937)