เรื่องที่ 23 หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาหรือไม่ หาก ส.ท.สมาชิกสภาเทศบาลพาสื่อทีวีลงพื้นที่ตรวจสอบนายกเทศมนตรีจ้างเอกชนขุดลอกสระน้ำสาธารณะเพื่อทำน้ำประปาของเทศบาล แล้วนำดินที่ขุดจากสระ ไปถมที่ดินจัดสรรแบ่งขายของนายกเอง

     

9-8-2559      ข่าว น้องฝ้ายทุบสถิติยกลูกเหล็ก

     “WHA” โชว์ฝีมือสิ้นปี 59 ล้างหนี้ซื้อเหมราชหมด

PS ThaiLaw.com  ได้รับคำถามเรื่องนี้ ผ่านทาง E-mail : Pongrut.ku40@gmail.com  

 

๐  น้าสิด        ทนายพงศ์รัตน์  รัตนพงศ์      น.บ.ท.64        091-871 3937

๐  พี่น้อย       ทนายปราธูป  ศรีกลับ           น.บ.ท.64        085-146 3778

๐  พี่ชายน้อย  ทนายศักดิ์ชาย  ทุ่งโชคชัย    น.บ.ท.59        061-576 8275

๐  พี่เอก        ทนายขัตติยะ  นวลอนงค์      น.บ.ท.62        096-815 2471

๐  พี่ป้อม       ทนายพันศักดิ์  พัวพันธ์         น.บ.ท.64        084-333 6995

 

จึงช่วยกันเรียบเรียงบทความนี้เป็นความรู้กฎหมายสู่ประชาชน

 

ทนายสมปราถน์  ฮั่นเจริญ   081-902 4557     เห็นว่า  ต้องดู ป.อาญา มาตรา 326 , 328 , 329 , 330 , 331 , 332 , 333

มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

มาตรา 329  ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต

(1) เพื่อความชอบธรรม  ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม

(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่

(3) ติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ

(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม

ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

มาตรา 330  ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิดพิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ

แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

มาตรา 331  คู่ความ หรือทนายความของคู่ความ ซึ่งแสดงความคิดเห็นหรือข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

มาตรา 332  ในคดีหมิ่นประมาทซึ่งมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดศาลอาจสั่ง

(1) ให้ยึด และทำลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท

(2) ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมด   หรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา

มาตรา 333  ความผิดในหมวดนี้เป็นความผิดอันยอมความได้

ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย

 

1.น่าสังเกตว่า  หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มาตรา 328

          คำว่าโฆษณา ตามพจนานุกรม ได้ให้คำนิยมไว้ว่า เผยแพร่หนังสือออกไปยังสาธารณชน ป่าวร้อง ป่าวประกาศ การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จึงหมายความว่าการกระทำใด ๆ ที่ให้ข้อเท็จจริงนั้นแพร่หลายไปยังบุคคลภายนอกในลักษณะวงกว้าง และเป็นความผิดสำเร็จทันที ที่มีการจำหน่ายหนังสือพิมพ์นั้น

2.  ผู้ให้สัมภาษณ์ หนังสือพิมพ์ด้วยถ้อยคำหมิ่นประมาทผู้อื่นเป็นความผิดตามมาตรา 326 ไม่ใช่ 328

ฎีกาย่อที่ 5599/2530

จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ด้วยข้อความอันมีมูล เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ แล้วหนังสือพิมพ์นำข้อความนั้นไปลงพิมพ์ โฆษณา ดังนี้เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวานหรือ ยุยงส่งเสริมให้หนังสือพิมพ์ไปลงพิมพ์ การที่หนังสือพิมพ์นำข้อความ นั้นไปลงพิมพ์จึงเป็นเรื่องของหนังสือพิมพ์โดยเฉพาะ คดีโจทก์ ไม่มีมูลความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

3.  การแสดงความคิดเห็นเพื่อความชอบธรรม มาตรา 329 (1)

          การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 329(1) เช่น

          การกล่าวตอบโต้ผู้เสียหายในเรื่องที่ตนถูกกล่าวหา เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตป้องกันตนตามคลองธรรม ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูฎีกาที่ 2798/2516

          ฎีกาที่ 2798/2518  จำเลยเป็นผู้แทนจำหน่ายหนังสือพิมพ์ของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของโจทก์ร่วมเป็นทำนองว่า จำเลยค้างชำระหนี้สินเป็นจำนวนมาก เป็นผู้ล่วงเวลาการชำระเงินและมีมารยาทไม่ดี ซึ่งเป็นข้อความที่เห็นได้ว่าอาจเกิดความเสื่อมเสียแก่ฐานะของจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าได้ จำเลยจึงลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์อื่นโต้ตอบมีใจความตอนแรกแสดงถึงจำนวนหนี้สินที่ค้างชำระว่ามีไม่มากและต่อมาก็มีข้อความว่าโจทก์ร่วม เช่น ว่าโจทก์ร่วมมีเจตนาไม่ดี ใช้คำพูดแข็งแกร่งไร้เหตุผล เป็นบุคคลต่ำต้อยเหี้ยมเกรียมชั่วร้ายต่อผู้แทนเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ มีวิธีการเลวทรามต่ำช้าไร้มารยาท และไม่มีจรรยาทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นข้อความที่ตอบโต้เพื่อให้ผู้ที่รู้เห็นเข้าใจว่าผู้ที่กล่าวหาว่าจำเลยเสียหายนั้น เป็นบุคคลที่ไม่ควรเชื่อถือเป็นการกระทำที่ป้องกันความเสียหายของจำเลยโดยตรง และเป็นการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เฉพาะในเรื่องที่จำเลยถูกกล่าวหาภายหลังที่โจทก์ร่วมได้โฆษณากล่าวหาจำเลยทางหนังสือพิมพ์แล้ว จึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริต เพื่อป้องกันตนตามคลองธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

4.  การเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับการกระทำโดยมิชอบของนักการเมือง หากผู้เปิดเผยเชื่อบริสุทธิ์ใจและมีมูลอันควรเชื่อได้โดยสุจริต มิได้เจตนากลั่นแกล้งใส่ร้าย จึงมีความชอบธรรมที่จะเปิดเผยให้ประชาชนทราบเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูฎีกาที่ 4563/2544

          ฎีกาที่ 4563/2544  โจทก์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลแล้วจำเลยได้พูดผ่านเครื่องกระจายเสียงว่า โจทก์เป็นคนขี้โกงเอาที่สาธารณประโยชน์เป็นของตนเองเพื่อให้ประชาชนต่อต้านการกระทำที่จำเลยเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะการที่โจทก์เสนอตัวต่อประชาชนให้เลือกตน เป็นการแสดงว่าตนเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริต ไว้วางใจให้เข้าไปมีส่วนร่วมบริหารกิจการแทนประชาชนได้ และการเรียกร้องเอาที่สาธารณประโยชน์คืนก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนและจำเลยเองด้วย จำเลยจึงมีความชอบธรรมที่จะเปิดเผยให้ประชาชนทราบเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตลอดจนแสดงความคิดเห็นติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งการกระทำดังกล่าวอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำแม้ขณะจำเลยกล่าวถ้อยคำดังกล่าว โจทก์ยังไม่ถูกดำเนินคดีอาญา หากจำเลยเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจ มิได้มีเจตนากลั่นแกล้งใส่ร้ายโจทก์และมีมูลอันควรเชื่อก็เป็นการกระทำโดยสุจริตแล้วจำเลยไม่มีความผิด

5.  ทำนองเดียวกับว่าจ้างทนายความให้ฟ้องคดี แต่ทนายความไม่สนใจดำเนินคดี ทำให้ผู้ว่าจ้างเสียหาย ที่ผู้ว่าจ้างพูดกับบุคคลอื่นว่าทนายความไม่สนใจคดี ชอบฮั้วคดี เป็นกรณีตามมาตรา 329 (1) ดูฎีกาที่ 1780/2546

          ฎีกาที่ 1780/2546  โจทก์ได้รับมอบหมายจากจำเลยให้ดำเนินคดีกับ น. ในข้อหาฉ้อโกง จำเลยชำระค่าจ้างว่าความส่วนหนึ่งให้แล้ว แต่โจทก์ยังไม่ฟ้องคดี หลังจากนั้น 1 ปี จำเลยทวงเงินค่าจ้างว่าความคืนโจทก์ก็ยังไม่ได้ฟ้อง น. นอกจากนี้ในคดีที่ ณ. สามีจำเลยแต่งตั้งโจทก์เป็นทนายความโจทก์ก็มิได้จัดการให้ ณ. และจำเลยลงลายมือในหนังสือมอบอำนาจจนศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์ไม่สนใจในการดำเนินคดี บกพร่องต่อหน้าที่ ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายเพราะผู้ที่จำเลยประสงค์จะฟ้องได้รับประโยชน์ไม่ต้องถูกดำเนินคดี ฉะนั้น การที่จำเลยพูดกับ ป.ว่า “ไม่ว่าจ้างทนายแดง(โจทก์) แล้ว ทนายความชอบฮั้วคดี ไม่สนใจติดตามคดี”  จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมตาม ป.อ.มาตรา 329(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

          จำเลยเป็นภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส  กล่าวกับหญิงที่มีความสัมพันธ์กับสามีตนว่า “คุณเป็นข้าราชการจะแย่งผัวฉัน ดูซิว่าจะผิดไหม”  เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 329(1)  (ฎีกาที่ 1756/2521)  แต่ถ้าเพียงแต่เข้าใจว่าโจทก์มีความสัมพันธ์กันฉันชู้สาวกับสามีของจำเลย ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 329(1) ดูฎีกาที่ 3729/2536

          ฎีกาที่ 3729/2533  การที่จำเลยเข้าใจว่าโจทก์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีจำเลยไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะไปกล่าวประจานโจทก์ด้วยถ้อยคำหมิ่นประมาทและดูหมิ่นซึ่งหน้า จึงยกเหตุเพื่อความชอบธรรมป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมขึ้นเพื่อปฏิเสธความผิดไม่ได้

6.  ทำหนังสือร้องเรียนว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องการกับปลอมเอกสารอันเป็นเท็จ เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต  ดูฎีกาที่ 4254/2554

          ฎีกาที่ 4254/2554  การที่จำเลยมีหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร มีใจความสำคัญว่าเอกสารจำนวน 6 แผ่น ที่ผู้เสียหายลงลายมือชื่อเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2545 เป็นเอกสารเท็จ จำเลยพร้อมที่จะเป็นพยานในทางวินัย อาญา แพ่ง และทางปกครองกับขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครสั่งให้ผู้เสียหายรับผิดทางละเมิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่กลุ่มรวมใจไทโคนมภูพานหรือประธานกลุ่มรวมใจไทโคนมภูพานหรือทั้งสองอย่างพร้อมกันเป็นการกล่าวหาว่าผู้เสียหายทำหรือเกี่ยวข้องกับการทำเอกสารที่เป็นเท็จ ทำให้จำเลยกับพวกได้รับความเสียหาย ซึ่งจำเลยรู้ว่าไม่เป็นความจริงเพราะจำเลยทราบที่มาของเอกสารดังกล่าวเป็นอย่างดี ทำให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครมีคำสั่งให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสกลนครเสนอ ย่อมทำให้ผู้เสียหายต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ข้อความในหนังสือของจำเลยไม่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง

 

ทนายศักดิ์ชาย  ทุ่งโชคชัย  061-576 8275   เห็นว่า  การแสดงความคิดเห็นในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ตาม ป.อ. 329(2) มีข้อสังเกต ดังนี้

1.การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่มีความผิดตามมาตรา 329(2)  ดูฎีกาที่ 858/2523 , 1459/2527

          ฎีกาที่ 858/2523  สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจกล่าวในที่ประชุมราชการอำเภอประจำเดือนว่าโจทก์ตั้งบ่อนการพนันเลี้ยงโจร เป็นการกล่าวตามหน้าที่ราชการ ไม่ผิดตาม ป.อ.มาตรา 157,326

          ฎีกาที่ 1459/2527  โจทก์ขอกลับเข้ารับราชการในกองทัพอากาศสอบถามไปยังการท่าอากาศยานฯ ถึงเหตุที่โจทก์ถูกปลดจากการเป็นพนักงานของการท่าอากาศยานฯ จำเลยในฐานะผู้ว่าการการท่าอากาศยานฯ จึงมีหนังสือตอบว่าโจทก์ถูกปลดเพราะมีมลทินมัวหมอง ดังนี้ มิใช่เป็นการโฆษณาด้วยเอกสารตามความหมายของมาตรา 328 และเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่า โจทก์ถูกปลดเพราะถูกกล่าวหาว่าโจรกรรมทรัพย์สินของการท่าอากาศยานฯ การที่จำเลยมีหนังสือถึงกองทัพอากาศดังกล่าว จึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตของเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

2.  ข้อสังเกต  ถ้าจำเลยไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ ก็ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 329(2) เป็นความผิด ดูฎีกาที่ 223/2524

          ฎีกาที่  223/2524  จำเลยไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ จำเลยทำบันทึกกล่าวโทษโจทก์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่าโจทก์ไม่อุทิศเวลาให้ราชการ มาทำงานสายเป็นประจำ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและทำให้ข้าราชการแตกแยกความสามัคคี ดังนี้เป็นหมิ่นประมาทโจทก์ ไม่ใช่แสดงความเห็นโดยสุจริตในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ตามมาตรา 329(2) แม้บันทึกของจำเลยผ่านผู้เกี่ยวข้อง 12-13 คน ก็ไม่ใช่เผยแพร่ไปยังสาธารณชนป่าวร้องไม่เป็นโฆษณาตามมาตรา 328

          แต่การที่ข้าราชการด้วยกันแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาว่า ข้าราชการคนอื่นเรียกร้องเอาเงินจากผู้มาติดต่อราชการเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตาม ป.อ.มาตรา 329(1) ดูฎีกาที่ 3269/2533

          ฎีกาที่ 3269/2533  จำเลยเป็นข้าราชการประจำสำนักงานที่ดินมีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียผู้หนึ่ง จึงชอบที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของตนได้ การที่จำเลยแจ้งเรื่องที่ทราบมาว่าผู้เสียหายเรียกร้องเอาเงินจากผู้มาติดต่อราชการให้ ศ.ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาทั้งของตนและผู้เสียหายทราบเพื่อจะได้ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตด้วยความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมตาม ป.อ.มาตรา 329(1)

3.  การนำข้อความตามคำฟ้องที่มีการฟ้องคดีอาญาต่อศาลมาลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ถือว่าเป็นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลโดยสุจริต ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 329(4) ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท

ฎีกา 3654/2543

ข้อความที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยคำฟ้องของจำเลยที่ 1ที่จำเลยที่ 2 ได้นำไปพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ข. เป็นข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลทั้งข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ตามที่ได้ความจากคำฟ้องของ โจทก์ในคดีนี้กับที่จำเลยที่ 2 นำไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ข. ก็ปรากฏว่าล้วนเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับข้อหาความผิดที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ทั้งสิ้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์จะหมิ่นประมาทโจทก์ หากแต่เพื่อประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 1 ที่ฟ้องโจทก์เท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 และข้อความที่จำเลยที่ 2 นำไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ข. นอกจากข้อเท็จจริงจะฟังได้ ตามคำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ว่าเป็นข้อความในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลดังกล่าวแล้ว ยังได้ความอีกว่าการกระทำของ จำเลยที่ 2 เป็นการเผยแพร่คำฟ้องไม่มีข้อความอื่นนอกเหนืออันจะ ส่อแสดงให้เห็นเจตนาไม่สุจริตของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 2 นำข้อความดังกล่าวลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ข. จึงเป็น การรายงานข่าวเรื่องที่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องคดีอาญาต่อ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้แจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลโดยสุจริต จำเลยที่ 2 จึงได้รับ ความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(4) ไม่เป็นความผิด ฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

 

ทนายหนูเพียร  สามนต์  090-236 1509  เห็นว่า   กรณีผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ ตาม ป.อาญา มาตรา 330 ต้องศึกษาจาก

ฎีกา 7435/2541

การที่จำเลยตีพิมพ์การกระทำหรือพฤติกรรมของโจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดตามคำสั่งกรมตำรวจนั้น แม้เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ก็ตาม แต่ก็มิใช่เป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว เพราะเป็นเรื่องตีแผ่สิ่งประพฤติชั่วร้ายและกระทำหน้าที่มิชอบของโจทก์ขณะเป็นข้าราชการตำรวจเพื่อให้ประชาชนรับทราบและให้ผู้ประพฤติชอบพึงสังวรณ์ไว้ ย่อมเป็นข้อความที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งจำเลยมีสิทธิพิสูจน์ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330 วรรคท้าย ดังนั้นเมื่อจำเลยได้ตีพิมพ์ข่าวในหนังสือฉบับพิพาทเกี่ยวกับการกระทำของโจทก์ตามความเป็นจริง จำเลยย่อมไม่ต้องรับโทษ

น้าสิด  ทนายพงศ์รัตน์  รัตนพงศ์  บอกว่าส.ท.หรือนักการเมืองฝ่ายที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ที่ถูกฟ้องคดีน้าสิดได้ช่วยเหลือแล้ว การต่อสู้คดีแนวนี้ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไปครับ

-  PS thailaw.com  นำเนื้อหามาจากหนังสืออาญาพิสดาร ของ อ.วิเชียร  ดิเรกอุดมศักดิ์ ผู้พิพากษา

 

- หากท่านมีปัญหา เกี่ยวกับคดีต้องการปรึกษาทนายความ    กรุณาติดต่อน้าสิด     ที่เบอร์ 091-871 3937    หรือ   E-mail: Pongrut.ku40@gmail.com  นะครับ